วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2554

สื่อการสอนประเภทโสตทัศนูปกรณ์
สื่อการสอนประเภทอุปกรณ์หรือที่เรียกว่า โสตทัศนูปกรณ์ (Audio -  Visual  Equipment)  มีหน้าที่หลักคือการฉายเนื้อหาทั้งที่เป็นภาพและตัวอักษรให้มีขนาดใหญ่  ขยายเสียงให้ดัง  เพื่อให้ผู้เรียนรับรู้และเรียนรู้ได้อย่างชัดเจนขึ้น  ปัจจุบันอุปกรณ์ต่างๆ  ได้พัฒนาไปมากมีรูปลักษณะเล็ก น้ำหนักเบา  แต่สามารถใช้งานได้หลายมิติ  เช่น  ต่อพ่วงกับอุปกรณ์อื่นได้หลายทางผสมผสานกับความก้าวหน้าของสื่อวัสดุที่มีศักยภาพในการบรรจุเนื้อหาข้อมูลได้  โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบสนองความต้องการและอำนวยความสะดวกในการรับรู้ของมนุษย์  ดังนั้นการนำอุปกรณ์เหล่านี้มาใช้ในกระบวนการเรียนการสอนจะช่วยให้ผู้เรียน เรียนรู้ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น  โดยครูผู้สอนสามารถศึกษาหลักการและวิธีการใช้ได้ไม่ยากนัก
ความหมายของโสตทัศนูปกรณ์
โสตทัศนูปกรณ์ หมายถึง อุปกรณ์ที่มีลักษณะใหญ่ ประกอบด้วย เครื่องยนต์กลไก อิเล็กทรอนิกส์ ทำหน้าที่เป็นตัวผ่านขยายเนื้อหาสาระจากแหล่งกำเนิดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถกระตุ้นการรับรู้ของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี
          คำว่า  โสตทัศนูปกรณ์  ตรงกับภาษาอังกฤษว่า  
Audio - Visual Equipment มาจากคำประสม ดังนี้
                    โสต (การได้ยิน)   +   ทัศนะ (การมองเห็น)   +    อุปกรณ์                      Audio            +          Visual           +     Equipment
ประเภทของโสตทัศนูปกรณ์
นักเทคโนโลยีการศึกษา ได้จัดจำแนกโสตทัศนูปกรณ์ออกไปเป็น 3 ประเภท คือ
1. โสตทัศนูปกรณ์ประเภทเครื่องฉาย
2. โสตทัศนูปกรณ์ประเภทเครื่องเสียง
3. โสตทัศนูปกรณ์ประเภทการแปลงสัญญาณ
1. โสตทัศนูปกรณ์ประเภทเครื่องฉาย
ความหมายของเครื่องฉาย
                เครื่องฉาย หมายถึง เครื่องฉายที่มีลักษณะเป็นอุปกรณ์ (Hardware)  ที่เป็นสื่อกลางหรือตัวกลางในการถ่ายทอดเนื้อหา   ข้อมูลจากวัสดุที่ไม่สามารถถ่ายทอดความรู้ได้ด้วยตนเองในเนื้อหาจากวัสดุนั้น ปรากฏขึ้นมาบนจอภาพให้เห็นได้
ความสำคัญของเครื่องฉาย
สื่อการสอนที่เห็นเป็นรูปธรรมได้แก่สื่อที่เป็นวัสดุและอุปกรณ์ สื่อวัสดุที่สามารถถ่ายทอดด้วยตัวเอง ได้แก่ รูปภาพ ของจริง ของจำลอง ฯลฯ และวัสดุที่ไม่สามารถถ่ายทอดได้ด้วยตัวเอง ต้องอาศัยอุปกรณ์ช่วยให้เนื้อหาที่บรรจุอยู่ในสื่อวัสดุนั้นปรากฏออกมาให้มองเห็นหรือได้ยิน เช่น แผ่นโปร่งใส ฟิล์มสไลด์ ฟิล์มภาพยนตร์ เทปวีดิทัศน์ ฯลฯ แต่หากเป็นสื่อวัสดุที่บรรจุเนื้อหาประเภทภาพและเสียงแล้ว จำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์ประเภทเครื่องฉายที่ถ่ายทอดเสียงออกทางลำโพง โดยจะช่วยในการขยายขนาดของภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและเห็นได้อย่างชัดเจนทั่วทั้งห้อง ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าใจได้ง่ายและรวดเร็ว เพิ่มความน่าสนใจรวมถึงมีความสนุกและตื่นเต้นเร้าใจเพิ่มมากขึ้นด้วย
ส่วนประกอบของเครื่องฉาย
1.              หลอดฉาย  ( Projectors  lamp )
  หลอดฉายที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันมี  3  ชนิด   ได้แก่
1) หลอดอินแคนเดสเซนต์  ( Incandescent  lamp ) 
2) หลอดฮาโลเจน  ( Halogen  lamp ) 
3)  หลอดซีนอนอาร์ค  ( Zenon  arc  lamp ) 
2.              แผ่นสะท้อนแสง   ( Reflectors )
       แผ่นสะท้อนแสงส่วนมากทำด้วยโลหะฉาบผิวด้วยวัสดุสะท้อนแสง เช่น เงินหรือปรอท ทำหน้าที่สะท้อนแสงจากด้านหลังของหลอดฉายไปรวมกับแสงด้านหน้า ทำให้ความเข้มของแสงเพิ่มขึ้นเกือบเป็น 2 เท่า ตำแหน่งการติดตั้งแผ่นสะท้อนมีหลายลักษณะต่างกัน   เช่น   ติดตั้งอยู่ภายในหลอด  ติดตั้งไว้ภายนอกหลอด  หรือติดเป็นครึ่งวงกลมรอบหลอด  เป็นต้น
                 
3.              วัสดุฉาย   ( Projected Material )
วัสดุฉาย คือ วัสดุที่ใช้ควบคู่กับเครื่องฉายเพื่อขยายเนื้อหาหรือรูปภาพให้ใหญ่ มองเห็นได้ชัดเจน เช่น ฟิล์มสไลด์ ฟิล์มภาพยนตร์  แผ่นโปร่งใส  รูปภาพทึบแสง    เราสามารถแบ่งชนิดของวัสดุฉายออกเป็น  3  ชนิด คือ
1)   วัสดุโปร่งใส  ( Transparent Materials )  หมายถึง  วัสดุที่แสงสามารถส่องผ่านได้โดยไม่เกิดการหักเห
หรือสะท้อนภายในวัสดุนั้นเลย เช่น แผ่นโปร่งใส พลาสติก กระจกใส กระดาษแก้ว เป็นต้น
2)   วัสดุโปร่งแสง  
( Translucent Materials )  หมายถึง  วัสดุที่แสงสามารถส่องผ่านไปได้ แต่จะมีการสะท้อนหรือหักเหในวัสดุบ้าง ทำให้ปริมาณของแสงสว่างลดความเข้มลงไปบ้าง เช่น กระจกฝ้า กระดาษทาน้ำมัน กระดาษไข เป็นต้น
 3)   วัสดุทึบแสง  
( Opaque Materials )  หมายถึง  วัสดุที่แสงไม่สามารถส่องผ่านได้เลย แสงสว่างที่ตกกระทบจะสะท้อนกลับหมด เช่น กระดาษโรเนียว  แผ่นโลหะ  แผ่นหนัง  หิน  ไม้  เสื้อผ้า  เป็นต้น
4.              เลนส์   ( Lens )
เลนส์เป็นวัสดุโปร่งใสที่มีอยู่ในเครื่องฉายทั่ว ๆ ไป  ทำด้วยแก้วหรือพลาสติกใสมีคุณสมบัติหักเหแสงที่สะท้อนมากระทบกับเลนส์ทำให้ภาพถูกขยาย   เลนส์ในเครื่องฉายจะมี 2 ชุด คือ เลนส์ควบแสง (Condenser Lens)  และเลนส์ฉาย  (Objected Lens)
1)   เลนส์ควบแสง
 ( Condenser Lens )   เป็นเลนส์นูน  1-2  ตัว  อยู่ระหว่างหลอดฉายกับวัสดุฉาย  ทำหน้าที่เฉลี่ยความเข้มของแสงให้ตกบนวัสดุฉายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ภาพที่ปรากฏบนจอทุกส่วนสว่างเท่า ๆ กัน นอกจากนี้ในชุดของเลนส์ควบแสงจะมีกระจกใสกรองความร้อน ( Heat Filter )  เป็นตัวกรองความร้อนจากหลอดฉายไปยังวัสดุฉายไม่ให้มากเกินไป
2)   เลนส์ฉาย  
( Objected Lens )   เป็นเลนส์นูนที่มีความยาวโฟกัสสั้นกว่าเลนส์ควบแสง จะอยู่ระหว่างวัสดุฉายกับจอรับภาพ  ทำหน้าที่ขยายภาพให้มีขนาดใหญ่เต็มจอ เลนส์ฉายสามารถขยายภาพได้ เพราะแสงที่ผ่านเลนส์ฉายหักเหตัดกันที่จุดโฟกัสด้านหน้าของเลนส์แล้วกระจายออกไป  ยิ่งเลนส์ฉายมีระยะโฟกัสสั้นแสงก็จะกระจายได้มาก จะได้ภาพใหญ่กว่าเลนส์ที่มีระยะโฟกัสยาว
                เลนส์ฉายมีคุณสมบัติพิเศษ 2 อย่างคือ การกลับหัวภาพ (Inversion)  กับระยะโฟกัส  (Focus Length)
ที่จำกัด  กล่าวคือ  เลนส์ฉายแต่ละตัวจะทำให้ภาพคมชัดในช่วงระยะหนึ่งเท่านั้น ขนาดของภาพบนจอจะเล็กหรือใหญ่ นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับระยะโฟกัสแล้ว ยังขึ้นอยู่กับระยะทางของเลนส์ฉายถึงจอภาพด้วย กล่าวคือ เมื่อระยะทางระหว่างเลนส์ฉายกับจอเพิ่มขึ้นภาพบนจอจะขยายใหญ่ขึ้นด้วย ยกเว้นเลนส์ซูม ซึ่งเป็นเลนส์ที่เปลี่ยนระยะโฟกัสได้ในตัวมันเอง
5.            จอ   ( Screen )
 จอเป็นอุปกรณ์รองรับภาพจากเครื่องฉายชนิดต่าง ๆ   จำแนกได้   2     พวกใหญ่ ๆ    คือ
1)   จอทึบแสง   (  Opaque  Type )     เป็นจอที่รับภาพจากด้านหน้า   จอชนิดนี้จะฉาบผิวหน้าด้วยวัสดุที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสงต่าง ๆ กัน   คือ
                1.1 จอแก้ว (Beaded   Screen  )   
1.2 จอผิวเรียบหรือผิวเกลี้ยง   ( Matte   Screen ) 
1.3 จอเงิน  ( Silver  Screen )   
1.4 จอเลนติคูล่า  ( Lenticular  Screen )   
1.5 จอเอ็คต้าไลท์  ( Ektalite   Screen )   
2)  จอโปร่งแสง  ( Translucent  Screen )
เป็นจอที่ทำจากวัสดุโปร่งแสง เช่น กระจกฝ้า กระดาษชุบไข หรือพลาสติก การฉายภาพจะฉายจากด้านหลังของจอ ผู้ชมจะเห็นภาพจากแสงผ่านจอออกมา ไม่ใช่แสงสะท้อนอย่างจอทึบแสง จึงได้ภาพที่สว่างสดใส สามารถฉายในห้องที่มีแสงสว่างปกติได้  ดังนั้นจึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "จอฉายกลางวัน" (Day light Screen)  จอโปร่งแสงมี   2  ชนิด   คือ
2.1   ชนิดฉายสะท้อนกระจกเงา   ลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยม ด้านหน้าเป็นจอทำด้วยกระจกฝ้า พลาสติก
หรืออาซีเตท   เมื่อจะฉายต้องเปิดกล่องด้านข้าง ด้านในมีกระจกเงาระนาบทำมุม 45 องศา ทำหน้าที่สะท้อนภาพจากเครื่องฉายไปปรากฏบนจอ   โดยทั่วไปขนาดของจอประมาณ 50 x 50 นิ้ว จึงเหมาะสำหรับผู้เรียนกลุ่มเล็ก หรือใช้กับงานนิทรรศการ เป็นต้น
2.2     ชนิดฉายภาพผ่านจอโดยตรง   จอชนิดนี้มีขนาดใหญ่กว่าชนิดสะท้อนกระจกเงา   สามารถติดกับฝาผนังห้องที่เจาะเป็นช่องพอดีกับจอได้    การฉายภาพจากด้านหลังของจอ   โดยควบคุมแสงในห้องฉายให้มืด ผู้ชมนั่งชมด้านหน้าโดยไม่จำเป็นต้องควบคุมแสงก็ได้

ระบบการฉาย   ( Projection   Systems )
                            ระบบการฉาย   หมายถึง  การนำเอาแสงจากหลอดฉายส่งไปยังวัสดุที่ต้องการฉาย เพื่อให้เกิดภาพหรือเงาของวัสดุนั้นไปปรากฏบนจอซึ่งเป็นการฉายรับภาพและมีขนาดใหญ่ขึ้น    เครื่องฉายต่างๆ สามารถจำแนกออกได้เป็น 3 ระบบ  คือ
1)  ระบบฉายตรง ( Direct  Projection )   เป็นการฉายโดยให้แสงผ่านทะลุวัสดุฉายและเลนส์ฉายไปยังจอภาพในแนวเส้นตรง  การใส่วัสดุต้องใส่ไว้หลังเลนส์ฉายในลักษณะตั้งฉากกับพื้นเหมือนกับภาพที่ปรากฏบนจอรับ ภาพ  เนื่องจากเลนส์จะกลับภาพภาพที่ฉายออกไปเป็นด้านตรงข้าม ด้วยเหตุนี้จึงต้องใส่วัสดุฉายในลักษณะหัวกลับเสมอ
2)  ระบบฉายอ้อม ( Indirect Projection )   เป็นการฉายโดยให้แสงจากหลอดฉายผ่านขึ้นไปยังเลนส์ฉาย โดยมีการหักเหของลำแสงผ่านวัสดุฉายไปยังจอรับภาพ การใส่วัสดุฉายในระบบฉายอ้อมคือ ต้องวางวัสดุฉายในแนวระนาบบนแท่นเครื่องฉาย โดยหันด้านหน้าขึ้นบนและริมล่างเข้าหาจอ
3)  ระบบฉายสะท้อน   ( Reflected  Projection )   เป็นการฉายโดยให้หลอดฉายส่องตรงมายังวัสดุฉายก่อนแล้วจึงสะท้อนไปยังกระจกเงาที่อยู่ด้านบนสุดของเครื่องสะท้อนแสงผ่านไปยังเลนส์ฉายและส่องแสงปรากฏเป็นภาพบนจอรับภาพ  การใส่วัสดุฉายในระบบฉายสะท้อน คือ ต้องวางวัสดุฉายตามลักษณะที่เป็นจริงในแนวระนาบบนแท่นวางของเครื่องฉาย
ตัวอย่างเครื่องฉาย
1. เครื่องฉายข้ามศีรษะ  (Overhead   Projector)
     เครื่องฉายภาพข้ามศีรษะหรือเครื่องฉายภาพโปร่งใส เป็นเครื่องฉายระบบฉายอ้อม (Indirect Projector)   ปัจจุบันมี   3   ชนิด   คือ
      1. ชนิดแสงส่องตรง หลอดฉายที่อยู่ใต้แท่นรองรับวัสดุฉาย จะส่องผ่านเลนส์เกลี่ยแสง ( Fresnel   Lens )
ตรงไปยัง เลนส์ฉาย (Objective Lens) ซึ่งอยู่ส่วนหัวเครื่องฉายนั้น
      2. ชนิดแสงสะท้อน หลอดฉายที่อยู่ใต้แท่นจะส่องแสงไปยังกระจกเงาที่เอียง 45 องศา แล้วสะท้อนแสง
ผ่านวัสดุฉายไปยังเลนส์ฉาย (Objective Lens) ซึ่งอยู่ส่วนหัวเครื่องฉายนั้น
     3. ชนิดที่มีแสงสะท้อนแสงติดบนแท่น หลอดฉายจะติดอยู่กับหัวเครื่องฉาย จึงไม่มีส่วนตัวเครื่อง (Lamp House)   ไม่มีพัดลมเป่าหลอด   เครื่องฉายชนิดนี้มีน้ำหนักเบา แต่หลอดจะขาดง่าย เพราะไม่มีระบบระบายความร้อน
ส่วนประกอบของเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ
                 เครื่องฉายภาพข้ามศีรษะมีส่วนประกอบที่สำคัญ  2   ส่วน   ดังนี้
1. ส่วนประกอบภายนอก
                       1.1  ตัวเครื่องฉาย  (Body)  มีลักษณะเป็นกล่องมักทำด้วยโลหะ ด้านบนเป็นแท่นกระจกสำหรับวางวัสดุฉาย มุมด้านขวามือมีเสาสำหรับติดตั้งหัวฉาย ด้านข้างมีแกนยึดแผ่นโปร่งใสแบบม้วน ด้านหลังมีสายไฟและสวิตซ์ควบคุมการทำงาน
                       1.2  แขนเครื่องฉายและหัวฉาย จะประกอบต่อกับเสาเครื่องฉาย สามารถปรับเลื่อนขึ้น-ลง ตามแนวดิ่งได้
                       1.3  อุปกรณ์การฉายพิเศษ ใช้กับเทคนิคการนำเสนอแผ่นโปร่งใสแบบเคลื่อนไหว (Polarizing Transparency) อุปกรณ์นี้เรียกว่า จานหมุน หรือ สกินเนอร์ หรือ โพราไรซ์ฟิลเตอร์
2. ส่วนประกอบภายใน
                       2.1   หลอดฉาย   (Projection Lamp) เป็นแหล่งกำเนิดแสง
                       2.2  แผ่นสะท้อนแสง (Reflector) ทำหน้าที่หักเหและสะท้อนแสงที่ออกทางด้านหลังของหลอดฉายทำให้แสงมีความเข้มมากขึ้น
                       2.3  เลนส์เกลี่ยแสง (Fresnel Lamp) ทำหน้าที่เกลี่ยแสงที่มีจากหลอดฉายส่องผ่านวัสดุฉาย
                            2.4  แท่นวางวัสดุฉาย  (Transparency Table) ใช้วางแผ่นโปร่งใส เพื่อให้ทำหน้าที่ขยายภาพหรือวัสดุฉายให้มีขนาดใหญ่ไปปรากฏบนจอ
                            2.5  เลนส์ฉาย (Objective Lens) เป็นเลนส์นูนที่อยู่ในหัวฉายทำหน้าที่ขยายภาพ หรือวัสดุฉายให้มีขนาดใหญ่ไปปรากฏบนจอ
                            2.6  กระจกเงาระนาบหรือกระจกเอน (Tilt Mirror) ทำหน้าที่รับภาพจากเลนส์ฉายแล้วหักเหลำแสงให้ไปปรากฏบนจอ
                            2.7  พัดลม (Fan or Electric Fan) ทำหน้าที่ระบายความร้อนให้กับหลอดฉายบางเครื่องมีสวิตซ์ปิด-เปิดโดยเฉพาะ บางเครื่อง มีสวิตซ์อัตโนมัติซึ่งเรียกว่า เทอร์โมสตัท (Themostat)
ขั้นตอนการใช้เครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ
   1. เตรียมแผ่นโปร่งใสที่จะใช้ให้พร้อม เรียงตามลำดับขั้นตอน
   2. ตั้งจอและเครื่องฉายให้ห่างกันประมาณ 1.5-2 เมตร โดยวางเครื่องฉายให้มั่นคงและตำแหน่งของเลนส์ฉายตั้งฉากกับจอ
   3. ทำความสะอาดแท่นวางแผ่นโปร่งใส เลนส์ฉาย ตรวจระบบไฟเครื่องฉายแล้วเสียบปลั๊ก
   4. ทดลองฉาย เปิดสวิตซ์เครื่องฉาย วางปากกาหรือวัสดุทึบแสงอื่น ๆ ที่มีขนาดเล็กปรับโฟกัสจนเกิดความคมชัด
   5. ขณะฉายควรปิดข้อความหรือรูปภาพที่ยังบรรยายไม่ถึงด้วยกระดาษทึบแสงและค่อย ๆ เปิดเมื่ออธิบายถึงเนื้อหานั้น
   6. เมื่อจะเปลี่ยนหลอดฉายควรจะเปิดฉายก่อนทุกครั้ง
   7. เมื่อต้องการชี้ข้อความหรือรูปภาพควรใช้วัสดุทึบแสงขนาดเล็ก ๆ
   8. เมื่อเลิกใช้ให้ปิดหลอดฉายปล่อยให้พัดลมทำงานต่อไปจนเครื่องเย็นลง พัดลมจะหยุดโดยอัตโนมัติ
หลักการเลือกเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ
   1. กำลังส่องสว่างของเครื่องสูง สามารถปรับกำลังส่องสว่างและเปลี่ยนหลอดได้สะดวกรวดเร็ว
   2. คุณภาพของภาพที่ปรากฏบนจดชัดเจน ไม่พร่ามัว ขนาดของเลนส์เหมาะกับระยะทางในการฉายหรือเหมาะกับห้องฉาย
   3. สะดวกในการซ่อมแซมและบำรุงรักษา หาอะไหล่ได้ง่าย ราคาถูก
   4. เครื่องเดินเงียบสม่ำเสมอ ไม่มีเสียงรบกวนจากพัดลม
   5. มีความแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย
 ข้อควรระวังในการเก็บรักษาเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ
   1. ไม่ควรใช้เครื่องฉายติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรปิดพักหลอดฉายสลับกันเป็นระยะ ๆ ในขณะอภิปราย
   2. เมื่อจะเคลื่อนย้ายเครื่องฉายต้องปิดหลอดฉายก่อน และรอให้หลอดฉายเย็นก่อนจึงจะเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย
   3. ถ้ามีฝุ่นละอองจับเลนส์หรือกระจกเงาสะท้อนแสง ควรใช้กระดาษเช็ดเลนส์หรือหนังชามัวร์เช็ด
ทำความสะอาดแต่ไม่ควรทำบ่อยนัก
   4. การเปลี่ยนหลอดฉาย ห้าม!! ใช้มือจับกระเปาะหลอดแก้ว (หลอดฉายใหม่) ควรใช้ผ้านุ่ม ๆ สะอาด ๆ พันก่อนแล้วจึงทำการเปลี่ยนและต้องใส่ขั้วให้ถูกด้านด้วย
   5. ไม่ควรใช้สายไฟฟ้าขั้นเสียบของเครื่องฉายถูกน้ำ เพราะอาจทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ได้

2. เครื่องฉายสไลด์  ( Slide Projector )
          เครื่องฉายสไลด์เป็นเครื่องฉายระบบฉายอ้อม (Indirect Projector)   ที่สร้างขึ้นมาสำหรับฉายภาพโปร่งใสขนาดเล็กที่นิยมมากในปัจจุบันเป็นภาพที่ถ่ายด้วยฟิล์ม 35 ม.ม.  นำมาใส่กรอบขนาด 2x2 นิ้ว  ชนิดของเครื่องฉายสไลด์  จำแนกตามลักษณะการทำงานของเครื่องฉายมี  2  ชนิด  คือ
1. เครื่องฉายสไลด์แบบธรรมดา  (Manual Slide Projector)  เป็นเครื่องฉายที่ออกแบบมาโดยใช้คนควบคุมการทำงานทุกขั้นตอน
2. เครื่องฉายสไลด์แบบอัตโนมัติ  (Automatic Projector)   เป็นเครื่องฉายที่ออกแบบให้ทำงานอัตโนมัติ สามารถเชื่อมต่อสัญญาณกับเครื่องบันทึกเสียงแบบสัมพันธ์ภาพและเสียง (Synchronize Type) หรือเครื่องควบคุมการฉาย (Dissolve Control Unit) ได้
ส่วนประกอบของเครื่องฉายสไลด์ ที่สำคัญแบ่งได้เป็น 2 ส่วน   คือ
1. ส่วนประกอบภายนอก ได้แก่ ตัวเครื่องฉาย (Body)  มีลักษณะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมแบนเล็กน้อยโดยทั่วไปทำด้วยโลหะ  บนตัวเครื่องฉายมีส่วนประกอบต่าง ๆ  ดังนี้
                              - ร่องวางถาดใส่สไลด์และช่องเปลี่ยนภาพสไลด์
                              - ปุ่มสวิตซ์เปิด-ปิด
                              - ช่องเลื่อนสายไฟ AC
                              - ช่องใส่เลนส์
                              - ปุ่มปรับความคมชัดของภาพ (มีบางรุ่น)
 2. ส่วนประกอบภายใน ได้แก่ อุปกรณ์ฉายต่าง ๆ เช่น จานสะท้อน หลอดฉาย เลนส์รวมแสง เลนส์ฉาย              
 หลักการใช้เครื่องฉายสไลด์
   1. ต้องศึกษาคู่มือการใช้เครื่องฉายให้เข้าใจ
   2. เตรียมเครื่องฉายบนแท่นวาง
   3. ตรวจสภาพเครื่องฉายให้พร้อมที่จะใช้งานได้
   4. เตรียมห้องฉาย จอ และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็น
   5. นำรางหรือถาดใส่ในเครื่องให้ถูกต้อง
   6. เสียบปลั๊กไฟ เปิดสวิตซ์พัดลม และสวิตซ์แสง
   7. กดปุ่มเดินหน้า เฟรมที่ 1 ปรับขนาดและความคมชัด
   8. ฉายภาพตามเนื้อหาที่กำหนดไว้พร้อมอธิบายประกอบ
   9. เมื่อจบแล้วให้ปิดสวิตซ์แสงรอให้หลอดฉายเย็นแล้วจึงปิดสวิตซ์พัดลม
   10. เก็บสายไฟ ปรับเลนส์ให้เข้าที่แล้วเก็บเครื่องฉาย
หลักการดูแลเครื่องฉายสไลด์
   1. ใช้ให้ถูกตามที่กล่าวมาแล้ว
   2. ไม่เคลื่อนย้ายเครื่องฉายขณะหลอดฉายกำลังร้อน
   3. ควรเก็บเครื่องฉายในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำและไม่มีฝุ่นละออง
   4. ในกรณีเครื่องใหม่ต้องศึกษาวิธีใช้จากคู่มือประจำเครื่องให้เข้าใจ
   5. ถ้าเครื่องชำรุดควรส่งให้ช่างผู้ชำนาญซ่อม
   6. อย่าให้เครื่องตกหรือกระทบกระแทกเด็ดขาด
   7. การเปลี่ยนหลอดฉาย ห้ามใช้มือจับหลอด

3.  เครื่องฉายเครื่องฉายฟิล์มสตริป  ( Filmstrip  Projector )
             เครื่องฉายฟิล์มสตริปเป็นเครื่องฉายระบบฉายตรง สามารถฉายได้ทั้งสไลด์และฟิล์มสตริปในเครื่องเดียวกัน เพียงแต่เปลี่ยนชุดสำหรับใส่ฟิล์มสตริป (Filmstrip Carrier) เข้าไปแทนก็ใช้ได้ ฟิล์มสตริปเป็นแถบฟิล์ม 35 ม.ม. บันทึกภาพนิ่งเช่นเดียวกับสไลด์ แต่ไม่ตัดฟิล์มออกเป็นภาพ ๆ เมื่อจะฉายก็ใส่ฟิล์มทั้งม้วนเข้าในเครื่อง
แล้วฉายภาพทีละภาพตามลำดับ
ฟิล์มสตริปมี 2 ขนาด คือ
   1. ชนิดกรอบภาพคู่ (Full Frame or Double Frame) ปัจจุบันไม่ค่อยนิยมใช้
   2. ชนิดกรอบภาพเดี่ยว (Half Frame or Single Frame) ขนาดกรอบภาพเป็นครึ่งหนึ่ง
ของกรอบภาพคู่มือ 18 x 24 ม.ม.  มีจำนวนกรอบภาพ 60 ภาพหรือมากกว่า ฟิล์มสติปมีน้ำหนักเบา ขนาดเล็ก เก็บรักษาง่ายใช้ได้สะดวกกว่าภาพสไลด์ เพราะภาพเรียงเป็นลำดับติดกันอยู่แล้ว สะดวกที่จะใช้ประกอบการสอน แต่มีข้อเสียก็คือ หากภาพใดภาพหนึ่งชำรุดเสียหายจะแก้ไขยาก ต้องผลิตใหม่ทั้งม้วนหรือจัดซื้อใหม่
 วิธีใช้เครื่องฉายฟิล์มสตริป
   1. ศึกษาคู่มือประจำเครื่องให้เข้าใจ
   2. ตั้งเครื่องฉายบนแท่นวางสูงกว่าระดับศีรษะผู้ดูเล็กน้อย และห่างจากจอพอสมควร
   3. บรรจุฟิล์มสตริปโดยกลับหัวลงเช่นเดียวกับการใส่ฟิล์มสไลด์
   4. เลียบปลั๊กเปิดสวิตซ์พัดลมและสวิตซ์แสงตามลำดับ
   5. ปรับความคมชัดของภาพบนจอ
   6. หมุนแกนดึงฟิล์มเพื่อฉายภาพทีละภาพจนจบ
   7. เมื่อฉายภาพจบให้ปิดสวิตซ์แสง และรอจนกระทั่งพัดลมเป่าหลอดฉายให้เย็นแล้ว
4.  เครื่องฉายภาพยนตร์  ( Motion Picture Projector )
           เครื่องฉายภาพยนตร์เป็นเครื่องฉายในระบบฉายตรง แต่มีส่วนประกอบอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น ได้แก่
เฟืองหนามเตย (Sprocket Wheel) กวัก (Intermittent) ใบพัดตัดแสง (Shutter)
             คำว่า ภาพยนตร์ หมายถึง ภาพที่มีการเคลื่อนไหวได้เหมือนเหตุการณ์จริง แต่ความจริงแล้วภาพดังกล่าวมิได้เคลื่อนไหวจริง มันเป็นภาพที่เกิดจากอนุกรมของภาพที่ค่อย ๆ เปลี่ยนจากภาพนิ่งภาพหนึ่งไปสู่ภาพนิ่งใหม่อย่างต่อเนื่อง
หลักการใช้เครื่องฉายภาพยนตร์                     
    ก่อนฉาย ก่อนใช้เครื่องฉายควรปฏิบัติดังนี้
1. ทำความสะอาดส่วนต่าง ๆ เช่น เลนส์ ประตูฟิล์ม ฯลฯ
 2. ตรวจสอบระบบไฟ ต่อไฟเข้าเครื่อง ต่อลำโพง
3. การตั้งจอต้องอยู่ในมุมตั้งฉากกับเครื่องฉาย
4. ร้อยฟิล์มเข้าเครื่อง ตามผังการร้อยฟิล์มของเครื่องฉายแต่ละเครื่อง
   ขณะฉาย เมื่อจะเริ่มฉายควรปฏิบัติดังนี้
1. เปิดสวิตซ์มอเตอร์ (Forward)
2. เปิดสวิตซ์ฉาย (Lamp)
3. เปิดสวิตซ์เสียง (Volume) ปรับระดับเสียง (Tone)
           - ถ้าเป็นฟิล์มเงียบ ใช้สวิตซ์ Silent
           - ถ้าเป็นฟิล์มเสียง ใช้สวิตซ์ Sound
4. ปรับความคมชัด
5. ปรับกรอบภาพให้สมบูรณ์
6. ถ้ามีเสียงผิดปกติหรือกลิ่นไหม้ให้หยุดฉายทันที
   เลิกฉาย   เมื่อเลิกฉายควรปฏิบัติดังนี้
1. ลดเสียงให้ต่ำลง
2. ปิดสวิตซ์ฉาย แต่ปล่อยให้ฟิล์มเดินต่อไปจนหมดม้วน
3. กดคลัชต์ให้เฟืองหนามเตยหยุด แล้วดึงหางฟิล์มมาร้อยกับล้อส่งฟิล์ม เพื่อหมุนฟิล์มกลับมาในม้วนเดิม
4. เมื่อพัดลมเป่าหลอดฉายเย็นดีแล้วจึงปิดสวิตซ์พัดลมและเก็บเครื่องได้
การเก็บรักษาเครื่องฉายภาพยนตร์
   1. ตรวจดูน้ำมันหล่อลื่นตามจุดที่ต้องการให้หล่อลื่น อย่าให้แห้ง
   2. ทำความสะอาดทางเดินของฟิล์มและเลนส์อย่าให้สกปรก
   3. ให้พัดลมเป่าหลอดฉายจนกระทั่งเย็นทุกครั้ง
การเก็บรักษาฟิล์มภาพยนตร์
   1. เมื่อไม่ใช้ต้องเก็บฟิล์มให้มิดชิด
   2. อย่าใช้มือจับที่ผิวฟิล์ม
   3. อย่าร้อยฟิล์มในเครื่องฉายให้หย่อนหรือตึงเกินไป
   4. ขณะฉายอย่าหยุดฟิล์มที่ประตูฟิล์มนานเกินไป
   5. ควรตรวจเครื่องฉายให้อยู่ในสภาพปกติ ปราศจากฝุ่นโดยเฉพาะประตูฟิล์ม
5. เครื่องฉายทึบแสง (Opaque Projectors)
           เครื่องฉายทึบแสงเป็นเครื่องฉายภาพจากวัสดุฉายทึบแสง เช่น ภาพจากหนังสือ ภาพโฆษณา ดินสอ ปากกา ฯลฯ  เครื่องฉายชนิดนี้ต้องใช้ในห้องมืดมาก ๆ จึงจะได้ภาพคมชัดและไม่เหมาะที่จะฉายติดต่อกันนาน ๆ เพราะหลอดฉายร้อนมากจนอาจทำให้วัสดุฉายกรอบหรือชำรุดได้
การใช้เครื่องฉายฉายทึบแสง
   1. วางเครื่องฉายบนแท่นวางเครื่องที่มั่นคงแล้วเสียบปลั๊กไฟ
   2. วางวัสดุฉายชนิดทึบแสงบนแท่นวางวัสดุฉาย โดยให้ขอบด้านล่างขวาวัสดุฉายอยู่ด้านใกล้จอ
ขนาดของวัสดุที่วางบนแท่นได้ไม่ควรเกิน 10 x 10 นิ้ว
   3. เปิดสวิตซ์ฉายปรับระดับของเครื่องฉายให้พอดีกับจอ
   4. ความคมชัดของภาพโดยหมุนล้อปรับโฟกัสที่อยู่ด้านข้างของเลนส์
   5. ถ้าต้องการให้ภาพเล็กหรือใหญ่ขึ้นจะต้องค่อย ๆ เลื่อนเครื่องฉายเข้าหาหรืออกห่างจอและปรับความคมชัดใหม่
   6. ห้องฉายควรเป็นห้องมืดสนิทและระบายอากาศได้ดี
   7. เมื่อเลิกใช้ให้ปิดสวิตซ์ฉาย เป่าให้พัดลมเป่าหลอดฉายจนเย็น
   8. ห้ามเคลื่อนย้ายหรือทำให้เครื่องฉายกระทบกระเทือนขณะหลอดหลายกำลังร้อน เพราะอาจทำให้หลอดขาดได้ง่าย
การบำรุงรักษาเครื่องฉายภาพทึบแสง
   1. ไม่ควรฉายติดต่อกันนานเกินไป
   2. อย่าให้เครื่องสกปรก โดยเฉพาะเลนส์ฉายและหลอดฉาย
   3. ศึกษาคู่มือให้เข้าใจวิธีใช้และบำรุงรักษาที่ถูกต้อง